จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 273
บทที่ 273: ทะเลสาปตงติง
ทะเลสาปตงติงนั้นตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ําแยงซีซึ่งอยู่ทางเหนือของมนฑลหูหนาน
ทะเลสาปตงติงไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแต่อย่างใด เนื่องจากทะเลสาปขนาดยักษ์นี้ครอบคลุมพื้นที่กว่าเก้าหมื่นกิโลเมตรและมันถูกจัดให้เป็นทะเลสาปที่อันตรายติดอันดับหนึ่งในสามของประเทศ!
เนื่องจากขนาดของมันที่ใหญ่สุดลูกหูลูกตา เช่นนี้ระบบนิเวศน์ของมันจึงยอดเยี่ยมตามไปด้วย แต่สิ่งนี้นั้นหมายความว่าอสูรเวทมากมายเรียกสถานที่แห่งนี้ว่าบ้าน!
นอกจากนั้นฝูงอสูรเลื้อยคลานต่างๆที่น่าขยะแขยงผู้ซึ่งเคยบุกเมืองจี้หลินนั้นใช้ทะเลสาปตงติงนี้เพื่อเป็นฐานทัพของตนเอง
หลังจากที่ทุกคนได้ขึ้นเครื่องบินมุ่งหน้าสู่เมืองคังหนึ่งซึ่งเป็นสถานที่ที่ใกล้กับเมืองจหลินมากที่สุดนักเรียน จากสถาบันเมิงจู่และมหาวิทยาลัยจักรพรรดิไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินเท้าต่อไประหว่างทางที่เดินนั้นชิงชิงซึ่งเป็นอัจฉริยะทางภูมิศาสตร์ได้บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองจี๋หลินให้กับทุกคนได้ฟังตลอดทาง
ในทางกลับกัน โม่ฝานนั้นไร้เดียงสาอย่างมากในโลกใบนี้ ทุกสิ่งแตกต่างจากโลกเดิมของเขาโดยสิ้นเชิง เช่นนี้เมื่อได้ฟังที่ชิงชิงพูดออกมาเขาจึงอดไม่ได้ที่จะคอยแทรกเป็นระยะ
“แม้ว่าอสูรเวททั้งหลายเหล่านี้จะมีความเป็นพวกพ้องและน้ําหนึ่งใจเดียวกันอยู่เสมอ แต่ทว่าก็มีเหตุผ ลบางประการเช่นกันที่สามารถเป็นข้อยกเว้นของมันได้ ตัวอย่างเช่นอสูรเวทที่สามารถพบได้บ่อยซึ่งอาศัยอยู่ ทางทิศใต้ของเมือง พวกมันคือเผ่าพันธุ์ของหมาป่าปีศาจ กลุ่มวาติกันนั้นใช้อสูรเหล่านั้นเป็นเครื่องมือเพื่อสร้าง หายนะให้กับเมืองบ่อ พวกเขาคือตัวการเบื้องหลังทั้งหมดในภัยพิบัติครั้งนั้น ซึ่งความจริงก็คือวาติกันสา มารถใช้พลังของหมาป่าปักษาวายุให้ทํางานสกปรกให้พวกเขาได้ ส่วนมากฝูงหมาป่ามักจะอาศัยอยู่แถวเทือก เขาหนานซาน แน่นอนว่าฝูงหมาป่าเหล่านั้นไม่อาจทัดเทียมได้กับอสูรเลื้อยคลานฝูงยักษ์ที่อาศัยอยู่ในทะเล สาปตงตงแห่งนี้!” ชิงชิงอธิบายออกมาอย่างจริงจัง
มู่หนิวเฉียวเหลือบมองใบหน้าของโม่ฝานอย่างรวดเร็วในขณะที่ชิงชิงกล่าวถึงเมืองบ่อ เธอกล่าวแทรกขึ้น มาหลังจากเห็นว่าชิงชิงนั้นไม่ตอบคําถามของโม่ฝาน “ที่จริงแล้วพวกเรานั้นแบ่งอสูรเวทออกตามระดับความ แข็งแกร่งของมัน อย่างเช่นถ้าหากมีอสูรเวทที่จํานวนสักห้าสิบและโตเต็มวัยหมดแล้วเราจะเรียกบ้านของมันว่า รัง แต่ถ้าหากว่าพวกมันมีมากกว่านั้นเราจะเรียกพวกมันว่าฝูง”
“เดี๋ยวก่อนนะ เดี๋ยว… ขอฉันคิดสักครู่!” โม่ฝานยกนิ้วของตนเองขึ้นมาพร้อมกับเริ่มพึมพํา “ถ้าหากว่าห้าสิบ เรียกว่ารัง ห้าสิบรั่งกลายเป็นฝูง หมายความว่าในฝูงนั้นจะมีอสูรเวทมากกว่าสองร้อยยี่สิบห้าตัวงั้นเหรอ?”
“อืม ถูกแล้ว ในฝูงหนึ่งจะมีอสูรเวทอย่างน้อยสองร้อยยี่สิบห้าตัวและทั้งนี้ทั้งนั้นยังไม่รวมกับอสูรที่ยังเป็น เด็กหรือไม่พร้อมที่จะต่อสู้ด้วยนะ …นี่คือจํานวนที่พร้อมจะต่อสู้น่ะ”
สมองของโม่ฝานเริ่มระลึกถึงเหตุการณ์ที่เมืองบ่อทันที ไม่นับหมาป่าเวทสามตา เพียงแค่จํานวนของหมาป่า ตาเดียวที่มองด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าเกินสองร้อยห้าสิบได้อย่างง่ายดายนี่ยังไม่รวมถึงกลุ่มที่ต่อสู้กับกองทัพนอกเขตปลอดภัย!
มีหมาป่าตาเดียวกว่าหมื่นตัวแน่นอนในหายนะครั้งนั้น นี่มันคือฝูงขนาดใหญ่!
“ฝูงอสรเวทนั้นมักจะเริ่มต้นที่สองร้อยห้าสิบไปจนถึงหนึ่งหมื่น ในกลุ่มนี้จะมีอสูรเวทระดับผู้บัญชาการอยู่ไม่เกินสามตัว ซึ่งความรุนแรงนั้นเพียงพอแล้วที่จะใช้รหัสแจ้งเดือนสีแดง เมืองหลินนั้นเคยเปิดใช้รหัสสีแดงมาก่อน โชคดีที่คนส่วนใหญ่นั้นอพยพได้ทันเวลามิฉะนั้นเหตุการณ์คงจะเลวร้ายกว่านี้มาก” ชิงชิงกล่าว
“ฮีฮี ชิงชิงไม่ต้องอธิบายชัดเจนขนาดนั้นก็ได้ เพื่อนของเราที่ชื่อโม่ฝานนั้นเคยประสบกับสถานการณ์เช่นนี้ มาก่อนแล้วดังนั้นเขาย่อมเข้าใจได้ดีว่าฝูงอสูรร้ายพวกนั้นมันเป็นอย่างไร… ฉันพูดถูกไหมล่ะโม่ฝาน?” หลัวซ่งอดไม่ได้ที่จะแทรกขึ้นมาเมื่อมีจังหวะ
อย่างไรก็ตามก่อนที่โม่ฝานจะทันได้โต้ตอบกลับไป สายตาที่เยือกเย็นพร้อมกับออร่าอันหนาวเหน็บเข้าปกคลุมร่างกายของหลัวซ่งทันที เขาหันกลับมาและพบกับสายตาที่เย็นชาของมู่หนิงเซวียอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยง จักรพรรดินีแห่งมหาวิทยาลัยจักรพรรดิกําลังจับจ้องเขาอย่างดุร้าย
“ทําไมนายถึงกล้าพูดราวกับว่าหายนะของเมืองบ่อเป็นเรื่องตลก!!!” มู่หนิงเซวียกล่าวออกมาด้วยน้ําเสียงที่เย็นชา
มู่หนิงเซียนั้นกลับมาที่มหาวิทยาลัยก่อนที่หายนะจะเกิดขึ้น แม้ว่าเธอจะไม่ได้สัมผัสกับมันโดยตรงแต่ทว่าผู้คนในตระกูลมู่มากมายตายตกไปในเหตุการณ์นี้ ทั้งหมู่บ้านและผู้คนในเมืองทั้งหมดล้วนแต่เต็มไปด้วยความเศร้าโศกและเสียใจอย่างถึงที่สุด
หลัวซึ่งไม่รู้มาก่อนว่ามู่หนิงเซวียจะเป็นคนจากเมืองบ่อด้วยเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงหุบปากของตนเองไว้อย่างแนบแน่น
โม่ฝานนั้นไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยสนใจในสิ่งที่คนอื่นกล่าวออกมาสักเท่าไหร่นักจิตใจของเขาในตอนนี้ยังคงจดจําภาพของฝูงอสูรเวทมากมายที่บุกเข้ามาสร้างโศกนาฏกรรมได้อย่างชัดเจนมันน่ากลัวเกินไป!
ถ้าหากนึกถึงภาพของฝูงหมาป่าตาเดียวที่โจมตีเมืองบ่อ เพียงเท่านั้นก็ทําให้ขนลุกไปทั้งตัว แต่ทว่าความน่ากลัวของฝูงอสูรเลื้อยคลานยักษ์ในทะเลสาปตงตงนี้เป็นสิ่งที่น่าเกรงขามกว่ามากมันจะน่ากลัวขนาดไหนกัน?
ถ้าหากว่าชาวเมืองจีหลินไม่รีบอพยพออกไปก่อน แน่นอนว่าหายนะในคราวนั้นจะต้องรุนแรงมากกว่าเมืองบ่ออย่างแน่นอน!
“ฝูงอสูรร้ายนั้นเป็นเพียงแค่ตัวเลขที่เล็กน้อยมากในโลกใบนี้ แต่ทว่าถ้าหากพวกมันรวมตัวกันเพื่อต่อสู้กับมนุษย์ ฉันคิดว่าวันนั้นคงจะเป็นจุดจบของเหล่ามนุษยชาติอย่างแน่นอน” เฉาวหมิงเหยกล่าวเสริม
“อืม พวกเราเข้าใจแล้ว เลิกพูดคุยเรื่องราวน่าหวาดกลัวพวกนี้สักที ฉันไม่เข้าใจว่าเราจะล้างสมองกันเพื่ออะไรในตอนนี้เราอยู่ในภารกิจ! เป้าหมายของเราทุกคนตอนนี้คือต้องมีชีวิตรอดในเมืองหลินนี้ให้ได้ ตอนนี้พวกเราเดินออกมาจากพื้นที่ปลอดภัยแล้ว เช่นนี้หมายความว่าการเดินทางต่อจากนี้มันไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว!” เหล่าหมิงฉยวนกล่าวออกมาอย่างเขร่งขรึม
เหล่าหมิงฉยวนพูดถูกแล้ว ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดอยู่ห่างจากพื้นที่ปลอดภัยกว่ายี่สิบห้ากิโลเมตร ซึ่งมันยังเป็นเขตที่ทหารลาดตระเวณยังคงอยู่ใกล้ๆ แต่เมื่อไหร่ที่พวกเขาเดินเข้าป่าทุกสิ่งจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง!
“เราควรจะเดินตามรางรถไฟนี้ไปเรื่อยๆ” ซู่เซียวชี้ไปบนแผนที่พร้อมกับจ้องมองไปยังทางรถไฟซึ่งเต็มไปด้วยเชื้อรา
เส้นทางรถไฟเต็มไปด้วยสนิมและเชื้อรามากมาย มันถูกปกคลุมด้วยวัชพืชซึ่งมากเกินกว่าปกติ ทั้งหมดเดินตรงเข้าไปในป่ารกแห่งนี้ หนามและพุ่มไม้มากมายดึงความสนใจของพวกเขาไปจนหมดสิ้น ไม่มีใครสามารถมองเห็นรางรถไฟได้เลยถ้าหากว่าไม่สังเกตดีๆ
ทางรถไฟเหล่านี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ปลอดภัยในเมืองจหลิน แต่ทว่าหลังจากเกิดเรื่องราวในครั้งนั้น พวกมันถูกทิ้งร้างไว้โดยไม่มีผู้ใดได้ใช้มันอีกดังนั้นจึงไม่แปลกนักที่มันจะตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
อย่างไรก็ตามพวกเขาสามารถไปยังเมืองจี้หลินได้อย่างถูกต้องแน่นอนถ้าหากเดินตามรางรถไฟนี้ไปเรื่อยๆ
“เอาล่ะ ฉันว่ามันถึงเวลาแล้วที่เราควรจะทําสิ่งนี้กันสักที ฉันถูกเลือกให้เป็นผู้นําทีมมาโดยตลอด แน่นอนว่าฉันสามารถทํามันได้ดี เนื่องจากว่าสถาบันของพวกเราทั้งสองฝ่ายต่างก็ให้พวกเราร่วมมือกันทําภารกิจในครั้งนี้ ให้สําเร็จมันคงไม่สมเหตุสมผลนักถ้าหากว่าเราทั้งสิบเจ็ดคนไม่มีผู้นําทีมที่ดีฉันน่ะมีความเต็มใจอย่างยิ่งที่จะรับตําแหน่งนี้โดยไม่อิดออด พวกนายทั้งหมดสามารถให้คําแนะนํากับฉันได้อย่างอิสระด้วยเช่นกัน ฉันจะทําหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับหนทางที่เราจะไปและตัดสินใจที่จะพักตรงไหน อีกทั้งเมื่อเราพบกับอสูรร้ายควรจะทําตัวอย่างไร…” ลือเชิงเห่อกล่าวออกมาอย่างออกตัวและพร้อมมากที่จะรับบทผู้นําทีม
แต่ดูเหมือน่าซื้อต้าหลง เหล่าหมิงฉยวน เฉาวหมิงเหย์และนักเรียนคนอื่นจากมหาวิทยาลัยจักรพรรดิจะไม่สนใจคําพูดของเขาเลยแม้แต่น้อย
“มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่พวกเราจะฟังนายตลอดเวลา ตอนนี้พวกเรากําลังเดินตามซ่เซียวอยู่ เช่นนี้นายก็คุยกับซูเซียวเอาแล้วกันว่าจะอย่างไร” ชางปิงเฉียวกล่าว
“แน่นอน เราสามารถทําเช่นนั้นได้!” ลือเชิงเห่อกล่าวตอบกลับ
แผนการในตอนนี้ของพวกเขาคือการเดินตามรางรถไฟไปเรื่อยๆ นักเรียนที่อยู่ในการฝึกครั้งนี้ทั้งสองสถาบันส่วนมากเป็นชนชั้นสูงจากตระกูลใหญ่ เช่นนี้ความแข็งแกร่งและความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขานั้นมากกว่านักเรียนทั่วไปอยู่มาก ด้วยสิ่งที่พวกเขามีนั้นแน่นอนว่าจะสามารถผ่านภารกิจไปได้อย่างง่ายดายถ้าหากพวกเขาร่วมมือกัน!