จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 264
บทที่ 264: นักเวทผู้เกรี้ยวกราด!
เวทมนตร์สีฟ้าปรากฏขึ้นมาเรืองรอง พลังงานสีฟ้านั้นแน่นอนว่ามันคือพลังของธาตุลมความเร็วในการร่ายเวทของมู่หนิงเซียนั้นเร็วกว่านักเวทธาตุลมธรรมดาทั่วไปอย่างมาก
ธาตุลมนั้นถือได้ว่าเป็นองค์ประกอบที่ธรรมดาอย่างมากภายในธาตุระดับเริ่มต้น แต่ทว่ามันก็เป็นสิ่งที่ยืดหยุ่นได้มากที่สุดด้วยเช่นกัน มู่หนิงเซียนั้นสามารถใช้งานมันได้อย่างมีประสิทธิภาพเธอเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและพริ้วไหวราวกับขนนกที่ลอยล่อง อีกทั้งการเคลื่อนไหวของเธอยังไม่สามารถคาดเดาได้ด้วย
ความพยายามของเธอในคราวนี้คือการหลบหลีกหมัดเพลิงทลายปฐพี่เมื่อครู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเสาลาวาขนาดใหญ่ที่พุ่งออกมาจากพื้นดินทั้งหมดได้ปะทะเข้ากับม่านน้ําแข็งที่เธอสร้างขึ้นปกป้องตนเอง
ซึ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้คือสิ่งที่เธอได้คาดเดาล่วงหน้าแล้วว่าโม่ผ่านจะต้องโต้กลับอย่างแน่นอน!
“วายุหมุน เทียนหลัว!”
ทุกคนที่มองภาพตรงหน้านั้นล้วนแต่เผยสีหน้าที่ประหลาดใจอย่างมาก มู่หนิงเซวียนั้นไม่ได้หยุดเคลื่อนไหวแม้แต่น้อยเธอสามารถร่ายเวทมนตร์ของตนเองออกมาได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีสะดุดอะไรทั้งสิ้น!
ลมกรรโชกรุนแรงส่งผลให้ร่างกายของเธอถูกยกขึ้นไปในอากาศเล็กน้อย
ผมสีเงินยาวของเธอนั้นพริ้วไหวอยู่กลางอากาศ ยิ่งทําให้เห็นใบหน้าที่สวยงามไร้ที่ติของเธอได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ดวงตาสีฟ้าของเธอนั้นเปล่งประกายออกมาราวกับเอลฟ์ลม นี่คือครั้งที่สองที่เธอร่ายเวทด้วยพลังที่แปลกประหลาดพร้อมทั้งทุกคนไม่รู้ว่าจะสนใจเวทมนตร์ของเธอหรือใบหน้าของเธอก่อนดีพลังของเวทมนตร์สีฟ้าแผ่ กระจายออกไปเป็นรัศมีกว่ายี่สิบเมตร สีฟ้าและสีน้ําเงินหลอมรวมกันได้อย่างงดงามด้วยแสงออร่าเช่นนี้ยิ่งทําให้ร่างกายของเธอดูโดดเด่นและงดงามอย่างไร้ที่ติ!
กลิ่นอายของธาตุลมทําให้ใบหน้าของเธอมีชีวิตชีวาขึ้นเล็กน้อย มือทั้งสองของมู่หนิงเซวียวางลงบนหน้าอกของตนเองซึ่งรูปลักษณ์ของเธอในตอนนี้เปลี่ยนจากแม่มดแห่งอาณาจักรเหมันต์มาเป็นนางฟ้าแห่งสายลมแทนที่ช่างเปรียบได้กับขุนนางหลวงผู้กล้าหาญ ภาพเช่นนี้ไม่อาจทําให้ผู้ใดสามารถดูแคลนเธอได้เลยแม้แต่น้อย
“พลังของเมล็ดพันธุ์วายุวิญญาณ!!!”
“กัปตันของเราถูกบังคับให้ใช้ธาตุที่สองจนได้สินะ เอาล่ะถึงจุดจบของชายที่ชื่อโม่ฝานแล้ว!”
แน่นอนว่าพลังของธาตุลมนี้นั้นแข็งแกร่งจนสามารถจัดการกดดันกับนักเวทธาตุลมคนอื่นได้อย่างง่ายดายและพลังงานที่รุนแรงนั้นกําลังกรรโชกแรงอยู่รอบร่างกายของโม่ฝานราวกับพวกมันกําลังปฏิบัติตามคําสั่งของจักรพรรดินี…
สิ่งนี้ไม่มีอะไรเหมือนกับวายุหมุนทอร์นาโดแม้แต่น้อย ไม่ว่าอย่างไรสําหรับทอร์นาโดแล้วฝ่ายตรงข้ามนั้นพอที่จะมีเวลาให้ตั้งตัวอยู่บ้างตราบใดที่สามารถวิ่งได้เร็วกว่ามัน แน่นอนว่าคุณจะปลอดภัย
แน่สิ่งนี้นั้นแตกต่างออกไป วายุหมุนเทียนหลัวนี้ยิ่งใหญ่กว่าทอร์นาโดหลายเท่านัก เส้นผ่าศูนย์กลางของมันใหญ่กว่ายี่สิบเมตร ซึ่งมันจะมีศัตรูยืนอยู่ที่ใจกลางของพายุ! ถ้าหากว่าศัตรูที่ถูกกักขังอยู่ด้านในต้องการที่จะหลบหนีออกจากใจกลางนี้ แน่นอนว่าลมกรรโชกเกรี้ยวกราดลูกนี้คงจะดูดกลืนร่างกายของเขาให้ฉีกขาดออกเป็นชิ้นๆ ได้อย่างง่ายดาย
หรือถ้าหากว่าศัตรูสามารถรอดชีวิตจากลมที่กรีดเนื้อหนังได้ แต่ทว่าการลอยขึ้นสู่ที่สูงและร่วงหล่นลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลกใบนี้นั้นก็สามารถทําให้กระดูกของพวกเขาแตกหักจนไม่เหลือชิ้นดีเลยก็ย่อมได้!
ทั้งหมดนี้คือความแข็งแกร่งของวายุหมุนเทียนหลัว นอกจากนี้มู่หนิงเซวียยังครอบครองเมล็ดพันธุ์วายุวิญญาณอีกด้วย มันยิ่งเพิ่มให้คาถาของเธอรุนแรงขึ้นกว่าใครคนอื่นหลายเท่า นักเวทระดับมัชฌิมคนอื่นๆได้ถอยออกไปจากการต่อสู้นี้แล้วโดยสิ้นเชิง นี่คือสิ่งที่เกินมือของพวกเขาไปแล้วโดยสมบูรณ์
นักเวทระดับมัชฌิมที่มีพลังเวทรุนแรงเช่นนี้สามารถจะจัดการกับพวกเขาทั้งหมดได้อย่างง่ายดายแต่เมื่อผู้แข็งแกร่งทั้งสองคนนี้กลับมีเมล็ดพันธุ์วิญญาณในครอบครองอีกการรับมือกับพวกเขาจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
ท้ายที่สุดการต่อสู้ในครั้งนี้กลายเป็นการประลองระหว่างโม่ฝานกับมู่หนิงเซวียไปโดยปริยาย เธอได้ปลดปล่อยพลังธาตุลมที่ดุร้ายออกมาและกักขังโม่ฝานไว้ด้านในอย่างกล้าหาญร่างกายของโม่ผ่านกลายเป็นเล็กน้อยร่อยทันทีเมื่อยืนอยู่ใจกลางของพายุยักษ์ลูกนี้
“หมัดเพลิงระเบิดสวรรค์!”
โม่ผ่านไม่ได้รู้สึกว่ายอมแพ้แต่อย่างใด เขายังคงคิดจะต่อสู้แม้ว่าตัวเองจะถูกขังอยู่ในกรงวายุที่โหดร้ายเช่น
วิธีเดียวที่เขาจะสามารถทําลายกําแพงวายุตรงหน้าได้คือการถล่มมันซะ เมื่อความร้อนจากเปลวไฟหลอมรวมกับความเร็วของลมมันจะช่วยให้พายุยักษ์นี้ย่อส่วนลง!
โม่ผ่านนั้นคุ้นเคยกับการใช้เวทมนตร์ระดับมัชฌิมอยู่แล้ว เขาเพียงแค่ตั้งสติและรวบรวมพลังไว้ที่มือของตนเองอย่างง่ายๆและโยนมันออกไปด้วยพลังงานที่เปี่ยมล้น
หมัดเพลิงที่อยู่บนข้อมือของโม่ฝานอัดแน่นจนกลายเป็นพลังที่แข็งแกร่งและพุ่งทะยานเข้าสู่กําแพงลมตรงหน้าอย่างไม่หวั่นเกรง!
ปัง!
พายุยักษ์ตรงหน้าสั่นไหวทันที่เห็นได้ชัดว่าวิธีนี้นั้นได้ผล แต่ทว่ามู่หนิงเซียนั้นก็ไม่รีรอเช่นกันเธอรีบเติมเต็มเวทมนตร์ในส่วนที่ขาดหายไปทันทีเธอยังคงรักษารูปร่างของพายุนี้ไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม
“อีกครั้ง!!”
โม่ฝานรวบรวมพลังและปล่อยหมัดออกไปอีกครั้ง หมัดเพลิงกระแทกเข้ากับพายุยักษ์ตรงหน้าอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด
ในรอบแรกที่พายุยักษ์นี้ถูกต่อยด้วยหมัดเพลิง มันแทบจะหยุดชะงักลงและเสียสมดุลไปนิดหน่อยทว่าเมื่อมันถูกต่อยซ้ําเข้าไปอีกครั้งพายุหดตัวงอลงอย่างรวดเร็วเห็นได้ชัดว่าพลังของโม่ฝานนั้นโหดเหี้ยมเกินกว่าที่จะคาดเดาได้
“ไปให้พ้น!”
โม่ฝานยังคงไม่ยอมแพ้และปล่อยหมัดเพลิงของเขาออกไปอีกครั้ง ถ้าหากว่านักเวทคนอื่นทําเช่นนี้แน่นอนว่าพวกเขาจะสูญเสียพลังเวทอย่างมากในการกระทําเช่นนี้ แต่ทว่าโม่ผ่านนั้นไม่หวงแหนพลังเวทของตนเองเลยแม้แต่น้อยเขาใช้พลังเวทระดับมัชฌิมออกมาอย่างบ้าคลั่งหมัดที่สามที่เขาปลดปล่อยออกไปทําให้พายุยักษ์ตรงหน้าแตกสลายกระจายออกไปอย่างไม่ยินยอมพวกมันทั้งหมดสลายไปจนหมดสิ้นทิ้งไว้เพียงฝุ่นที่อยู่ รอบตัวของโม่ฝานเท่านั้น
ฝุ่นมากมายกองอยู่รอบตัวของโม่ฝานอย่างหนาเตอะ
สายตาของทุกคนนั้นจับจ้องมาที่โม่ผ่านอย่างสนใจและรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เปลวไฟที่โหดร้ายบนข้อมือของเขายังคงไม่ได้มอดดับมันยังคงลุกโชนอย่างเกรี้ยวกราดราวกับอัคคีเริงระบํารอรับคําสั่งจากของจักรพรรดิของตนเอง
แววตาของโม่ผ่านที่กําลังลุกโชนนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์และความรู้สึก…
เขาเพิ่งจัดการกับเมล็ดพันธุ์วายุวิญญาณงั้นเหรอ?
ฉันไม่เคยเห็นนักเวทคนไหนจะเกรี้ยวกราดได้เท่าไม่ฝานอีกแล้ว!
คนส่วนใหญ่นั้นกําลังคิดถึงอุปกรณ์ป้องกันต่างๆเพื่อที่จะหยุดยั้งคาถาที่รุนแรงของมู่หนิงเซวีย แม้ว่าโม่ผ่านจะมีองค์ประกอบของทั้งสามธาตุอยู่ด้วยกันแต่ทว่าไม่มีธาตุไหนเลยที่สามารถปกป้องตัวเขาได้แต่ทว่าเขากลับใช่วิธีที่ทุกคนล้วนแต่คิดไม่ถึงนั่นก็คือทําลายเวทมนตร์ระดับมัชฌิมของมู่หนิงเซวียด้วยพลังโจมตีที่แข็งแกร่งกว่า!
“ลาสบอสคนสุดท้ายของสถาบันเมิงจู่ เป็นคนที่ฉันคาดหวังไว้จริงๆด้วย สุดยอดไปเลย!”เบียงเหลิงซึ่งเป็นนักเรียนธาตุเงากล่าวออกมาพร้อมกับใบหน้าที่ประหลาดใจปนตื่นเต้น
ส่วนจ้าวหม่าหยันนั้นพอจะเดาได้อยู่แล้วว่าโม่ผ่านครอบครองธาตุไฟด้วยเช่นกัน แต่หลังจากที่ได้เห็นการต่อสู้ในครั้งนี้เขาเข้าใจทุกอย่างทันทีและไม่แปลกใจว่าทําไมไม่ฝานจึงสามารถจัดการกับราชินีอสูรเกล็ดหนาตัวนั้นได้
สําหรับคู่ฮั่น เฉียวอวฮัวและลี่จิงต่างพากันเงียบงันจมอยู่ในความคิดของตนเอง ทุกคนเข้าใจเหตุผลที่อธิการบดีเซียวและคณบดีโจวเจียงฮวาพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะส่งโม่ผ่านเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้..
สําหรับมหาวิทยาลัยจักรพรรดิซึ่งกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่านี่คือการต่อสู้เพื่อผูกมิตรนั้นกําลังจะพ่ายแพ้… โม่ ฝานมายืนอยู่ตรงนี้เพื่อทําให้พวกเขาทั้งหมดอับอายขายหน้า!
“ครอบครองเมล็ดพันธุ์วิญญาณถึงสองเลยงั้นเหรอ… ดูเหมือนว่าฉันจะคิดถูกแล้วที่ยอมเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้ ราวกับว่าฉันได้เจอใครบางคนที่คู่ควรพอจะสู้กับฉันสักที!”ตอนนี้โม่ฝานได้เปิดเผยความลับของเขาออกไปแล้วจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะปิดบังมันอีกต่อไป
เหตุนี้เพราะนักเรียนจากสถาบันเมิงจู่นั้นมีความสามารถไม่มากพอที่จะบังคับให้โม่ฝานปลดปล่อยพลังทั้งหมดของเขาออกมาแม้ว่าในตอนนี้จะม่หนิงเซวียจะปรากฏกายออกมาและเป็นคู่ต่อสู้ที่มีความแข็งแกร่งเทียบชั้นกับเขาได้แต่ทว่าเธอไม่ใช่คนเดียวที่ได้ครอบครองเมล็ดพันธุ์วิญญาณสองชนิด!!!