การกลับมาของฮีโร่ - ตอนที่ 161
ตอนที่ 161
บล็องก์หลับตาลงพร้อมถอนหายใจ เขากะไว้อยู่แล้วว่าต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
“ผู้อาวุโสช่วยแปลให้ผมฟังหน่อยสิ ผมอยากรู้ว่าเขากําลังพูดอะไร?”
ซูฮยอนหมดความอดทน อ้อนวอนให้ผู้อาวุโสบล็องก์แปลคําพูดของมังกรเขียว ดูจากกิริยาท่าทางของมังกรเขียวแล้ว อีกฝ่ายคงไม่ได้พูดชมเชยพวกเขาเป็นแน่ บล็องก์เกิดความลังเลครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจแปลคําพูดของมังกรเขียวให้ซอยอนฟัง
“ทายาททรยศงั้นเหรอ…?”ซูฮยอนพึมพํา
เขาขมวดคิ้วและถลึงตาไปยังมังกรเขียวมังกรเขียวไม่ได้หลีกเลี่ยงสายตาของซูฮยอน แต่มันตอบโต้กลับโดยการมองลึกเข้าไปในนัยน์ตาของเขาแทน
“มองอะไรมิทราบ? หรือว่าเจ้าอยากมีปัญหากับข้า?”
มังกรเขียวพูดภาษาที่ซูฮยอนสามารถทําความเข้าใจได้จังหวะที่มังกรเขียวกําลังเปิดปากพูดอีกประโยคซูฮยอนก้าวเท้าไปข้างหน้าบล็องก์และกล่าวตัดหน้าว่า…
“ปัญหาอย่างงั้นเหรอ? แน่นอนว่ามีแกและฉันมีเรื่องต้องเคลียร์กันยาว”ซูฮยอนตอบกลับพร้อมข็งตามองอีกฝ่าย
“เพราะแกบังอาจมาดูถูกลูกชายที่น่ารักของฉัน”
คําตอบจากซูฮยอน โดยเฉพาะคําว่า[ลูกชายของฉัน]ทําให้มังกรเขียวรู้สึกรําคาญใจ
“เจ้าเลี้ยงดูทายาทมังกรแดงตั้งแต่แรกเกิด?”
“ใช่สิ ถ้าไม่ใช่ฉัน แล้วจะเป็นใคร”
“ไร้สาระสิ้นดี มังกรแดงที่ครั้งหนึ่งเคยถูกกล่าวขานว่าเป็นทายาทรุ่นต่อไปที่จะสืบทอดเจตจํานงของราชามังกร ตอนนี้กลับตกไปอยู่ภายใต้การดูแลของมนุษย์เนี่ยนะ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ช่างเป็นคําพูดที่ฟังดูโง่อะไรแบบนี้ แต่ก็เหมาะกับแกดี แกยังจมปลักอยู่กับความคิดที่ว่ามนุษย์คือเผ่าพันธุ์ชั้นต่ํา ส่วนมังกรคือเผ่าพันธุ์ชั้นสูงอยู่อีกเหรอ? ทําไมความคิดของแก ถึงไม่พัฒนาตามอายุเลย ? ฉันอยากรู้จริงๆเพราะเหตุใดทําไมแกยังยึดติดความคิดแบบเดิมอยู่อีกเป็นเพราะมนุษย์มีอายุขัยไม่มากเท่ามังกร หรือเพราะมนุษย์อ่อนแอเกินไป ? ซูฮยอนมองไปรอบๆเมืองและกล่าวต่อ
“แล้วจะให้ฉันเรียกเผ่าพันธุ์ของแกว่าอะไรดี ทั้งที่บอกว่าตัวเองเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูง แต่กลับลอกเรียนแบบอารยธรรมของมนุษย์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นต่ํา คําพูดฟังดูย้อนแย้งดีเนอะ”
“เจ้ากําลังจะบอกว่าเผ่าพันธุ์มังกรของข้า ต่ํายิ่งกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์งั้นรึ?”
มังกรเขียวปลดปล่อยจิตสังหารออกมาจากร่างกาย จิตสังหารที่ผสมพลังเวทหนาแน่นสามารถปลิดชีวิตมนุษย์ทั่วไปได้อย่างง่ายดาย แต่สําหรับซูฮยอนแล้ว เขาไม่รู้สึกเกรงกลัวพลังเวทของมังกรเขียวเลยสักนิดในเมื่ออีกฝ่ายอยากประชันพลังเวทนัก ซูฮยอนก็พร้อมสนองให้…
เมื่อพลังเวทของทั้ง 2 เข้าปะทะกันกลางอากาศ มังกรเขียวเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ เท้าเผลอก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
<<อะไรกัน?>>
ไม่ว่าจะเป็นความหนาแน่นหรือความเข้มข้นของพลังเวท ซูฮยอนเหนือกว่ามังกรเขียวหลายขุมมังกรเขียวคิดมาตลอดว่าซูฮยอนเป็นเพียงเผ่าพันธุ์มนุษย์ชั้นต่ํา จะมาสู่เผ่าพันธุ์มังกรได้ยังไง
แต่ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าพลังเวทที่ซูฮยอนปลดปล่อยออกมา ข่มพลังเวทของมังกรเขียวได้อยู่หมัด
มังกรเขียวเป็นฝ่ายก้าวถอยหลัง ส่วนซูฮยอนเป็นฝ่ายก้าวไปด้านหน้า
ขณะซูฮยอนกําลังยกเท้าก้าวไปข้างหน้า เขาเอ่ยปากถามมังกรเขียวว่า “ถอยหลังทําไมเล่า? อย่าบอกนะว่าแกกลัวฉัน?”
“แก…”
อุป!!
คํายั่วยุจากซูฮยอนทําเอาสติของมังกรเขียวขาดผึ้ง มังกรเขียวง้างมือหมายมั่นโจมตีลําคอซูฮยอน
การโจมตีของมังกรเขียวพุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ซูฮยอนที่เห็นดังนั้นจึงกระโดดรักษาระยะห่าง พลางดึงดาบออกมาจากฝึกเตรียมพร้อม
“ซิกฟรีดอย่า!!”บล็องก์ตะโกนห้ามมังกรเขียว
ซูฮยอนไม่ยอมยืนอยู่เฉยๆคอยตั้งรับการโจมตีของมังกรเขียวฝ่ายเดียวแน่ เขาจึงตัดสินใจเคลื่อนไหวบ้าง…
ฟรึบ!!
เมื่อมังกรเขียวเห็นว่าซูฮยอนเป็นฝ่ายวิ่งมาหาความตายด้วยตัวเอง ดวงตาของมันสว่างขึ้นอย่างปีติยินดี
<<หี มนุษย์ก็เป็นมนุษย์อยู่วันยังค่ํา ตายซะเถอะเจ้ามนุษย์ชั้นต่ํา!! >>
มังกรเขียวไม่กล้าโจมตีใส่มังกรแดง เพราะกังวลว่าจะมีปัญหาตามมาภายหลัง แต่ถ้าเป็นมนุษย์ตรงหน้าคงไม่มีมังกรตัวไหนติดใจเอาความแน่ เผลอๆการกระทําของเขาอาจได้รับเสียงปรบมือจากมังกรที่เกลียดชังมนุษย์ ด้วยก็ได้ มังกรที่เกลียดชังมนุษย์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คงไม่ชอบใจที่เห็นมนุษย์เดินสบายใจเฉิบอยู่ในเมืองมังกร
วุป!!!
เปลวเพลิงสีเขียวลุกโชนออกมาจากฝ่ามือของมังกรเขียว คลื่นความร้อนจากเปลวเพลิงสามารถเผาบ้า นทั้งหลังกลืนกินซูฮยอนไปทั้งตัว เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก
มังกรเขียวที่เห็นซูฮยอนโดนเปลวเพลิงสีเขียวเข้าไปเต็มๆ ยิ้มกริ่มออกมาอย่างได้ใจ
<< สุดท้ายแกก็หนีน้ํามือข้าไม่พ้น ข้าไม่น่าหลงกลัวมันตั้งแต่แรกเลย นึกว่าจะทนมือทนเท้ามากกว่านี้เสียอีก >>
แต่น่าเสียดายที่ความยินดีของมังกรเขียวคงอยู่ได้ไม่นานนัก
อุป!!
เปลวเพลิงสีครามเข้มฉีกกระชากเปลวเพลิงสีเขียวออกจากกัน ทันใดนั้นเอง….
“เจ้าไม่ควรฆ่าเขา!!”บล็องก์ตะโกนเสียงดัง
เสียงตะโกนของบล็องก์สร้างความประหลาดใจให้แก่มังกรเขียวเป็นอย่างมากมังกรเขียวสังเกตเห็นถึงความไม่ชอบมาพากลจึงรีบกระโดดถอยหลังจังหวะที่เท้ามังกรเขียวแตะพื้นร่างกายของซูฮยอนก็เข้าประชิดตัวพร้อมเอื้อมมือออกไปด้านหน้า
หมับ!!
“อีก!!”
มังกรเขียวถูกฝ่ามืออันแข็งแกร่งบีบลําคอไว้สายตาของมังกรเขียวเหลือบไปเห็นดาบเล่มหนึ่งที่ซูฮยอนกําไว้แน่น
“ถือว่าวันนี้แกโชคดี”ซูฮยอนกล่าวด้วยน้ําเสียงเยือกเย็นมือออกแรงบีบลําคอมังกรเขียวแน่นขึ้น
“ตอนแรกฉันกะจะฆ่าแกแต่เพราะคําพูดของผู้อาวุโสบล็องก์ครั้งนี้ฉันจะยอมปล่อยแกไป”
“แค่ก แค่ก แค่ก”
ซูฮยอนยกแขนขึ้น ทําให้เท้าของมังกรเขียวลอยขึ้นเหนือพื้นซิกฟรีดใช้มือทั้ง 2 ข้าง จับข้อมือซูฮยอนเอาไว้พยายามดันมือที่กุมลําคอให้หลุดออกแต่ไม่ว่าซิกฟรีดจะออกแรงมากแค่ไหนมือของซูฮยอนกลับไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย
<<เป็นไปไม่ได้ ทําไมมันถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้?>>
ไม่ว่าซูฮยอนจะแข็งแกร่งสักแค่ไหนแต่สุดท้ายเขาก็เป็นเพียงมนุษย์ตามหลักการแล้วมนุษย์ไม่สามารถ เอาชนะมังกรด้วยเวทมนตร์ได้ต่อให้ใช้พละกําลังเข้าชน ร่างกายที่ใหญ่โตของมังกรก็ได้เปรียบกว่าร่างกายเล็กจ้อยของมนุษย์หลายเท่าซิกฟรีดคิดแบบนั้นมาเสมอและนั่นคือเหตุผลที่เขาตัดสินใจต่อสู้กับซูฮยอนแต่ผลจากการปะทะที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นเวทมนตร์หรือพละกําลังซูฮยอนเหนือกว่าเขาทั้งหมด
“จะ..เจ้า”
ซูฮยอนค่อยๆคลายมือออกจากลําคอมังกรเขียว
“แฮ่ก แฮก”
มังกรเขียวล้มลงไปนั่งกับพื้นและขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ความภาคภูมิใจทั้งหมดของเขาโดนซูฮยอนทําร้ายจนย่อยยับ เขาไม่คิดโจมตีซูฮยอนอีกต่อไป เพราะผลลัพธ์คงไม่ต่างจากเดิม
“ทั้ง 2 คนยุติเรื่องนี้ซะ อะไรที่เกิดขึ้นแล้ว ก็ขอให้เลิกแล้วต่อกันไป อย่าให้เรื่องมันบานปลายไปมากกว่านี้เลย”
บล็องก์ก้าวเท้าเข้ามาขั้นกลางระหว่างทั้ง 2 คนและพยายามเกลี้ยกล่อมให้ยุติการต่อสู้ลง
เมื่อเห็นบล็องก์เข้ามาห้ามสถานการณ์ มังกรเขียวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก นอกจากความโล่งอก แล้วมังกรเขียวยังมีความรู้สึกของตัวเองอย่างหนึ่งที่ก่อกวนใจ
<<ข้าคนนี้ รู้สึกหวาดกลัวมนุษย์ตรงหน้าอย่างงั้นเหรอ?>>
เป็นความจริงที่ซิกฟรีดไม่อยากทําใจยอมรับ ทว่าภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏตรงหน้าทําให้เขาปฏิเสธไม่ลงเขาพ่ายแพ้การประมือและเกือบเสียชีวิตหากบล็องก์ไม่กล่าวห้ามซูฮยอนไว้ ดาบซูฮยอนอาจสะบั้นหัวของซิก ฟรีดขาดไปแล้วก็ได้
บล็องก์จ้องมองมังกรเขียวและเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าเลิกคิดสู้กับมนุษย์ผู้นี้ซะ ไม่ใช่แค่มนุษย์ผู้นี้เท่านั้นแต่รวมถึงมังกรแดงด้วย ถ้ามังกรตัวอื่นที่รอคอยการกลับมาของทายาทราชามังกรทราบว่าเจ้าลงมือทําร้ายทายาทราชามังกร เจ้าคงหนีคําต่อว่าไม่พ้น
“ท่านขอรับ คือว่า…”
“ซิกฟรีด ไปทํากิจวัตรประจําวันของเจ้าต่อเถอะ ข้าจะหลับตาข้างหนึ่งแล้วถือว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นแต่ถ้าเจ้ากระทําผิดซ้ําสอง ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปเหมือนครั้งนี้อีกแล้วจําไว้ให้ดี”
คําพูดของบล็องก์ มังกรเขียวที่มีนามว่าซิกฟรีดขมวดคิ้วเป็นปม เขายันตัวลุกขึ้นแล้วหมุนกายเดินจากไป
บล็องก์ตรึงสายตาไว้ที่แผ่นหลังซิกฟรีดพลางขบคิดกับตัวเองในใจ
<<จิตวิญญาณต่อสู้ของซิกฟรีดหนักแน่นกว่าที่ข้าคิดไว้มาก ในอนาคตถ้าเขาไม่หลงเดินทางผิดเขาต้องเป็นนักรบที่ดีได้แน่>>
บล็องก์เลิกสนใจซิกฟรีดและหันหน้ามามองซูฮยอนต่อ ตอนที่เจอซูฮยอนครั้งแรก เขารู้สึกสนใจฝ่ายตรงข้ามอย่างมาก เขาแคลงใจว่าซูฮยอนเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาทั่วไปจริงๆ หรือ เป็นเผ่าพันธุ์อื่นแปลงกายมาเพราะร่างกายของซูฮยอนปลดปล่อยกลิ่นอายที่พิเศษออกมา
การต่อสู้ที่ผ่านมา บล็องก์รู้สึกขอบคุณซิกฟรีดด้วยส่วนหนึ่ง เนื่องจากซิกฟรีดเป็นมังกรที่ค่อนข้างอารมณ์ร้อนจึงตกลงใจเปิดฉากต่อสู้กับซูฮยอนโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง การกระทําหุนหันพลันแล่นของซิกฟรีดส่งผลให้บล็องก์สามารถยืนยันศักยภาพของซูฮยอนได้เต็มตา ผลลัพธ์ที่ออกมาเกินกว่าที่เขาคิดไว้มาก
<<ยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวที่รอดชีวิตตอนเกิดสงครามกับฟาฟเนียร์>>
ศักยภาพของซูฮยอนแข็งแกร่งว่ามังกรบางตัวที่บล็องก์รู้จักเสียอีก ซูฮยอนมีความสามารถเทียบเท่ามังกรส้มซึ่งเป็นรองมังกรแดงแค่หนึ่งระดับเท่านั้น
<<ไม่ใช่สิ บางทีความสามารถของเขาอาจเหนือกว่าด้วยซ้ํา>>บล็องก์คิดในใจ
ยิ่งไปกว่านั้น ซูฮยอนมาที่โลกของพวกเขาพร้อมกับทายาทราชามังกร ดูเหมือนว่าเมืองที่เงียบสงบแห่งนี้จะเกิดพายุลูกใหญ่ในอีกไม่ช้า
ซิกฟรีดเดินทอดน่องไปตามท้องถนน ในหัวคิดถึงแต่เรื่องมังกรแดงและมนุษย์ที่ติดสอยห้อยตามมา
<<ทายาททรยศกลับมาแล้ว แถมยังถูกเลี้ยงดูโดยมนุษย์อีก เจ้ามนุษย์ครนั้นเป็นตัวอะไรกันแน่?>>
ซิกฟรีดนึกถึงใบหน้าซูฮยอนพลางกัดฟันด้วยความโกรธ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ผิดแผกไปจากความคิดของเขาโดยสิ้นเชิง เขาเกลียดชังมนุษย์เป็นอย่างมาก เพราะเผ่าพันธุ์มนุษย์มีอายุขัยที่สั้นและอ่อนแอกว่ามังกร แต่ชายคนนั้นแตกต่างจากมนุษย์ทั่วไปซูฮยอนมีพลังอํานาจเหนือกว่ามังกรเขียวอย่างเห็นได้ชัด
<<ข้าเข้าใจแล้ว เหตุใดมังกรแดงถึงยอมติดตามเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่ําต้อย คงเป็นเพราะมังกรแดงสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งจากมนุษย์ผู้นั้นกระมัง? ข้าควรรีบรายงานเรื่องนี้ ให้มังกรตัวอื่นทราบ>>
ซิกฟรีดปักใจเชื่อว่ามังกรแดงและมนุษย์คนนั้นจะนําพาความหายนะมาสู่โลกของเขาอีกครา ในสายตาเขาสถานการณ์ปัจจุบันของโลกตอนนี้เริ่มมีความเสถียรภาพ ไม่มีเหตุผลต้องก่อสงครามเพิ่มอีก
ซิกฟรีดมีคําตอบอยู่ในใจแล้วว่าจะไปปรึกษาเรื่องมังกรแดกับใคร เขารีบมุ่งหน้าไปยังปราสาทที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เดินก้มหน้าก้มตาไปตามเส้นทางโดยไม่สนใจมังกรตัวอื่นๆที่เดินสวนทางไปมา
หลังจากเดินมาได้สักพัก ซิกฟรีดก็มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าปราสาทหลังใหญ่ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าไปในปราสาทอย่างช้าๆ
ลักษณะโครงสร้างของปราสาทแห่งนี้ คล้ายๆกับหอสังเกตการณ์ เพดานด้านบนยกสูงขึ้นไปจนมองไม่เห็นหลังคาบริเวณกําแพงมีบันไดทอดยาวนําไปสู่ชั้นต่างๆของปราสาทติดตั้งไว้ปราสาทแห่งนี้มีโครงสร้างที่เรียบง่ายไม่หวือหวาซึ่งแตกต่างจากปราสาทแห่งอื่นๆที่มีโครงสร้างซับซ้อนและหรูหราโอ่อ่า
ทันทีที่ซิกฟรีดเหยียบเข้ามาในปราสาท สิ่งแรกที่เขาเห็นคือความว่างเปล่าและวังเวง สภาพแวดล้อมรอบกายเงียบกริบ ไร้วี่แววสิ่งมีชีวิต กระทั่งมดตัวเล็กๆหรือแมลงหวี่แมลงวันก็ไม่มีให้เห็น
เหตุผลที่ซิกฟรีดตัดสินใจมาที่นี่ เพราะเขารู้จักมังกรที่อาศัยอยู่ในปราสาทแห่งและเชื่อว่าเป็นมังกรเพียงตัวเดียวที่สามารถคลี่คลายปัญหาที่เขากังวลได้
“ข้ามาที่นี่ เพื่อขอพบท่านคาร์เน่”ซิกฟรีดพูดตะเบ็งเสียง
รอไม่นานก็ได้ยินเสียงตอบรับ ดังมาจากด้านบน “เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทําไมเจ้าต้องการพบข้า?”
ตุบ!! ตุบ!!
ในเวลาไล่เลี่ยกันนั้น หูแว่วได้ยินเสียงตบเท้าหนักๆดังออกมาจากด้านบน มังกรที่มีเกล็ดสีล้มเป็นประกายวิบวับกําลังเดินไต่บันไดลงมา
ซิกฟรีดโน้มตัวทําความเคารพและกล่าวด้วยน้ําเสียงพินอบพิเทา “ไม่ได้พบกันนานเลยนะขอรับท่านคาร์เน่”
คาร์เน่ คือมังกรสัม ซึ่งมีวรรณะต่ํากว่ามังกรแดงหนึ่งระดับ นอกเหนือจากบล็องก์ ยังมีมังกรอีกตัวที่มีอายุมากและมีชีวิตอยู่มายาวนาน มังกรที่ว่านั่นก็คือคาร์เน่ อันที่จริงจะบอกว่าคาร์เน่ คือผู้อาวุโสสูงสุดที่ปกครองเผ่าพันธุ์มังกรที่เหลือรอดก็ไม่ผิดนักจึงเป็นเหตุผลทําไมซิกฟรีดถึงตรงดิ่งมาหาเขา
“นานมากจริงๆที่พวกเราไม่ได้พบกัน หากไม่นับการบุกรุกปราสาทครั้งล่าสุดของเจ้า ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เจ้ามาเยือนปราสาทของข้าด้วยความเต็มใจ”
“ถูกต้องตามที่ท่านคาร์เน่ว่า”
“ว่าแต่ ลมอะไรหอบเจ้ามาที่ปราสาทของข้า เจ้าเคยกล่าวเอาไว้ว่าปราสาทแห่งนี้เต็มไปด้วยมลทินไม่ใช่เรอะ”
“เอ่อ คือว่า….”
ซิกฟรีดกล่าวขอโทษคาร์เนที่เคยทําตัวเสียมารยาท ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องของซูฮยอนและมิรุให้อีกฝ่ายฟังหลังจากคาร์เน่ได้ฟังเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาขมวดคิ้วหน้ามุ่ย
“มังกรแดง? เจ้าไม่ได้โป้ปดข้า?”
“ข้ามิกล้าโป้ปดท่านคาร์เน่แน่นอนขอรับ มนุษย์ที่มากับมังกรแดงแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เผลอๆอาจแข็งแกร่งกว่ามังกรบางตัวในเผ่าพันธุ์ของพวกเราด้วยซ้ํา ข้าเองก็โดนมันเล่นงานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด”
“เรื่องที่เจ้าเล่าให้ข้าฟัง หากข้าไม่เห็นด้วยตาตัวเอง คงทําใจเชื่อไม่ลง”
<<มนุษย์ที่มีความแข็งแกร่งเหนือกว่ามังกรเขียวงั้นรึ?>>
คาร์เน่มีชีวิตอยู่มาหลายปี เท่าที่เขาจําความได้มีมนุษย์แค่หนึ่งหรือสองคนเท่านั้น ที่สามารถต่อกรกับมังกรม่วงได้
แต่เรื่องนั้นเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว การหาตัวมนุษย์ที่สามารถสยบมังกรได้ ไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร
<<แต่มนุษย์ที่มากับมังกรแดงสามารถกําราบมังกรเขียวลงได้ แถมยังทําได้อย่างง่ายดายอีกต่างหากไม่แปลกใจเลยทําไมมังกรแดงถึงเลือกติดตามเจ้ามนุษย์…>>
ไม่น่าเชื่อว่ามังกรแดงจะยอมติดตามมนุษย์ผู้นั้น เพราะมังกรแดงถือเป็นสายเลือดโดยตรงของราชามังกรไม่เพียงแต่เป็นมังกรสูงศักดิ์เท่านั้น แต่มังกรแดงยังมีพลังที่แข็งแกร่งกว่ามังกรตัวอื่นด้วย มังกรทั่วไปจึงเลือกติดตามมังกรแดงพร้อมทั้งแต่งตั้งให้มังกรแดงเป็นราชาของเหล่ามังกรทั้งปวงมังกรแดงก็เปรียบเสมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เหล่ามังกรเคารพและเทิดทูน
“เจ้าบอกว่ามังกรแดงยังเด็กอยู่ เรื่องจริง?”คาร์เน่ถาม
“เรื่องจริงขอรับ ดูเหมือนมังกรแดงตัวนั้นจะมีอายุแค่ไม่กี่ปี”
“มังกรที่มีสายเลือดของราชามังกร มักเติบโตช้ากว่ามังกรตัวอื่น แต่การที่มังกรแดงเติบโตช้าก็มีข้อดีอยู่เช่นกันพลังในร่างกายของมังกรแดงจะมีความเสถียรภาพและแข็งแกร่งกว่ามังกรทุกตัวแถมมังกรแดงยังสามารถพัฒนารากฐานได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ติดขัดอีกด้วย”
“ต่อเนื่องขอรับ?”
“ถูกต้อง เจ้าคงไม่รู้รายละเอียดพวกนี้ เพราะเจ้าไม่เคยเห็นมังกรแดงมาก่อน”
มังกรที่กําเนิดขึ้นหลังมหาสงครามยุติ ไม่ค่อยรู้ประวัติของมังกรแดงมากนัก พวกเขาเป็นมังกรยังไงมีพลังแข็งแกร่งขนาดไหนมีอํานาจเหนือกว่ามังกรทุกทั่วจริงเหรอ? เรื่องเหล่านี้มีแต่มังกรรุ่นเก่าๆเท่านั้นที่ทราบ
“มังกรแดงเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่ง พวกเขาครอบครองพลังอันน่าเกรงขาม แต่สุดท้ายพวกเขาก็ทอดทิ้งพวกเราไว้ข้างหลัง”
“ท่านวางแผนจะทําอะไรต่อไป?”
ซิกฟรีดตั้งคําถาม คาร์เน่พยักหน้าตอบกลับ “ข้าอยากกําจัดพวกเขาให้เร็วที่สุด มังกรแดงตัวนี้เป็นได้แค่ทายาททรยศไม่มีเหตุจําเป็นต้องเก็บไว้”
“ถ้างั้น พวกเราไปหามังกรแดงกันเลยไหมขอรับ?”
“อย่าพึ่งรู่วาม หากเราลงมือโจ่งแจ้ง อาจทําให้เผ่าพันธุ์ของพวกเราเกิดความแตกแยกมีมังกรไม่น้อยที่ยังศรัทธาในตัวมังกรแดงอยู่”
คําพูดของคาร์เน่ทําเอาซิกฟรีดเผลอกัดริมฝีปากแน่น สิ่งที่คาร์เน่กล่าวออกมาเป็นความจริงและเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ซิกฟรีดไม่กล้าปรึกษาเรื่องนี้กับมังกรตัวอื่นนอกจากคาร์เน่ เพราะเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายศรัทธาในตัวมังกรแดงหรือไม่ การรวบรวมมังกรตัวอื่นและเฉดหัวซูฮยอนกับมังกรแดงออกจากเมืองดูเหมือนจะไม่ง่ายอย่างที่คิด
“บล็องก์ก็เป็นหนึ่งในมังกรที่ศรัทธาในตัวมังกรแดงไม่เสื่อมคลาย” คาร์เน่กล่าว
“ข้าทราบเรื่องนั้นดี ผู้อาวุโสบล็องก์เฝ้ารอการกลับมาของทายาทราชามังกรมาโดยตลอด”
“ข้าคิดอะไรดีๆออกแล้ว”คาร์เน่ถมือตัวเองและบอกให้ซิกฟรีดกลับไปก่อน
คําตอบที่กํากวมของคาร์เน่ สร้างความไม่สบายใจให้แก่ซิกฟรีดไม่น้อย แต่เขาก็ไม่กล้าสอบถามเพิ่มเติมเขากัมคํานับคาร์เน่แล้วก้าวเท้าออกจากปราสาทไป
“ทายาทของราชามังกร…”คาร์เน่พึมพํา
หลังจากซิกฟรีดจากไป สภาพแวดล้อมในปราสาทก็กลับมาเงียบงันอีกครั้ง คาร์เน่ดีดนิ้วของตัวเอง
เปาะ!!
ดวงตาขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นกลางอากาศตรงหน้าคาร์เน่ ลักษณะดวงตาที่ลอยอยู่ ทั้งรูม่านตาและลูกตาล้วนมีสีแดงเหมือนกันหมด ให้ความรู้สึกขนลุกขนพองเหลือทน
คาร์เน่เริ่มเปิดปากพูดกับดวงตานั้นว่า…
“สายเลือดของราชามังกรกลับมาแล้ว